หลังจากดูทั้งภาพรถ และดูตัวจริงของรถแล้ว ให้วิเคราะห์ค่าซ่อมและค่า ใช้จ่ายเกี่ยวกับรถ มากน้อยเพียงใด ก่อนจะตัดสินใจอย่างเด็ดขาดในการซื้อรถมือสองคันนั้น เพราะหากติดสินใจผิดพลาด ก็ไม่เพียงหมายถึงเงินที่จะต้องสูญไป แต่หากได้รถไม่ดี ก็จะใช้งานอย่างไม่มีความสุข หรือได้รถรักเจ้าของ ขายไม่ออก ใช้งานก็ไม่ได้ ค่าใช้จ่ายสูง
ตัวอย่างการวิเคราะห์ในด้านต่างๆ ก่อนจะตัดสิ้นใจซื้อรถ
ความประหยัดของรถในการดูแลและการใช้งาน
ความประหยัดการดูแล ซ่อมบำรุง และความประหยัดในเรื่องค่านำมัน เป็นปัจจัยสำคัญทีจะใช้รถอย่างมีความสุข สบายกระเป๋า รถบางคันเป็นรถใหญ่ ราคาตกมาก ขายต่อยาก ค่าน้ำมันแพง ค่าซ่อมแพง ไม่สามารถใช้งานในชีวิตประจำวันได้
บางคนไปจับรถมือสองเป็นรถเปลี่ยนเครื่องเป็นเบนซิน 3000 cc ติดแก๊ส เพราะเห็นว่ารถมีราคาถูก จึงซื้อมาใช้งาน ซึ่งปรากฏว่า มีปัญหาจุกจิก จนไม่สามารถใช้งานได้ ต้องจอดเป็นหลัก จะขายก็ยาก ราคาก็ตกแรง ต่างจากรถมือสองรถเล็กๆ อย่าง Honda City, Toyota Vios, March ประหยัดค่าใช้จ่าย ทั้งค่าซ่อมบำรุงและค่าน้ำมัน
วางแผนใช้งานรถระยะยาว
การใช้งานรถมือสองให้คุ้มค่าจะต้องวางแผนใช้งานระยะยาว ซึ่งหากซ่อมใหญ่ครบทุกจุด ก็จะสามารถใช้งานยาวๆ ได้อีกเกิน 5 ปีขึ้นไป แม้จะซื้อรถที่มีอายุมากเกิน 20 ปีเลขไมล์หลายแสนกิโลเมตรแล้วก็ตาม เพราะอะไหล่ที่เปลี่ยนใหม่ ก็จะไม่ต่างจากรถใหม่ เพียงแต่ในการใช้งานจะต้องดูแลถ่ายน้ำมัน เครื่อง น้ำมันเกียร์ให้เร็วกว่าปกติ และหากวางแผนใช้งานระยะยาว ก็จะคุ้มค่าเงินมากที่สุด
ผู้อ่านอาจซื้อรถในราคา 100,000 ซ่อมใหญ่เพื่อให้เป็นรถที่ดีที่สุดอีกประมาณ 100,000 บาท ซ่อมบำรุงชนิดที่ว่า เปลี่ยนอะไหล่สำคัญๆ เป็นของ ใหม่ของแท้ทุกชิ้น ซึ่งไม่น่าจะถึง 100,000 บาท การลงทุนในงบ 200,000 บาท แต่ได้รถดี ใช้งานยาวๆ เกิน 5 ปีสบายๆ ขอเพียงรักษาสภาพให้ดี อย่าจอดตากแดดตากฝน ก็ขายต่อได้เกิน 50,000 บาท สบายๆ ขาดทุนประมาณ 150,000 ถือว่าคุ้มมาก เมื่อเทียบกับการซื้อรถป้ายแดง เพราะรถป้ายแดงนั้น หลัง 5 ปี เงินหายไปหลายแสนบาท นี่ยังไม่รวมดอกเบี้ยเงินผ่อนและรายจ่ายอื่นๆ
รุ่น ยี่ห้อยอดนิยม การขายต่อ
รถยนต์ทุกคันต้องขายเมื่อถึงเวลา การจะตัดสินใจซื้อหรือไม่ ต้องดูในเรื่องการขายต่อก่อน เพราะเมื่อถึงเวลาก็ต้องขาย รถยี่ห้อและรุ่นยอดนิยมจะขายต่อง่ายกว่า เน้นขายต่อง่ายๆ เข้าไว้ เผื่ออาจจะเบื่อ หรืออาจจะได้โบนัสก้อนใหญ่ อยากจะเปลี่ยนรถก็ทำได้ทันที
ตัวอย่างการวิเคราะห์ค่าซ่อมทั้งหมดเกี่ยวกับรถ
แม้จะเป็นรถยอดนิยม ขายต่อง่าย อะไหล่ไม่แพง ประหยัด แต่ก็ต้องดูว่า ค่าซ่อมทั้งหมดเกี่ยวกับรถคันนั้น มากน้อยเพียงใด โดยสิ่งสำคัญก็คือจะต้องหาข้อมูลการซ่อม หาข้อมูลราคาอะไหล่เสียก่อน จึงจะคำนวณค่าซ่อมออกมาได้
A. ตัวถัง การทำสี ชิ้นส่วนต่างๆ
หากจะต้องทำสีทั้งคัน เพราะมีรอยขีดข่วน มีแผลทั้งคัน หรือสีไม่สวย จะมีค่าใช้จ่ายหลักหมื่น จึงไม่ควรซื้อ นอกเสียจากชิ้นส่วนอื่นๆ ทั้งหมด มีประวัติการซ่อม รายการหลักๆ ได้ซ่อมเรียบร้อยแล้ว การขับรถเก่าที่สภาพสีไม่สวย มีแผล ภายนอกดูไม่สวย เจ้าของรถมักจะโดนติฉิน นินทา แซวบ้าง ว่ากล่าว จนสุดท้ายก็ทนไม่ได้ หรือยอมรับสภาพตัวเองไม่ได้ ก็ต้องเสียเงินทำสีอยู่
ผู้เขียนเคยซื้อรถเน่าๆ 35000 ตั้งใจว่าจะใช้ขนของเท่านั้น เสร็จแล้วก็จะลงประกาศขาย ถ้าทำแบบนั้น ก็จะไม่ขาดทุนเลย เพราะรถรุ่นนั้น สภาพนั้น ก็ซื้อขายกันที่ราคาแค่นั้นเอง แต่สุดท้ายก็เอาไปทำสีจนได้ หมดไป 60,000-70,000 เพราะซ่อมไม่จบ ผุซ้ำ ผุซ้อน ไม่เลิก สรุปแล้ว หมดเงินไป 200,000 กว่าบาท กับคันนั้น บานปลายอย่างไม่ตั้งใจ
B. ช่วงล่าง ยาง โช้ค ลูกปืนล้อ ลูกหมาก
ช่วงล่างรถยนต์มีหลายจุด หลายส่วนที่จะต้องซ่อม และมีค่าใช้จ่ายหลักหมื่นเช่นกัน เช่น ช่วงล่าง ยาง โช้ค ลูกปืนล้อ ลูกหมาก การซ่อมรายการทั้งหมดนี้ เนื่องจากมีความสำพันธ์และเกี่ยวโยงกัน เช่น หากโช้คเสียทำงานไม่ดี ก็จะส่งผลให้ยางสึกไม่เท่ากัน ทำให้การเกาะถนนwไม่ดี
การซ่อมก็จะต้องซ่อมทั้งโช้ค เปลี่ยนทั้งยาง ลูกหมาก และอื่นๆ ที่เกี่ยว ข้อง แต่การซ่อมส่วนต่างๆ เหล่านี้ เปลี่ยนใหม่แล้วก็จบสมบูรณ์เหมือนรถใหม่ ต่างจากการทำสี โดนฝน โดนแดด มีโอกาสผุ ต้องทำสีอีกรอบ เพียงแต่สิ่งสำคัญก็คือ รถจะต้องไม่เคยมีอุบัติเหตุหนักๆ อย่างรถบางคัน ต้องตัดต่อตัวรถ
แม้จะซ่อมอุปกรณ์ต่างๆ เหล่านี้ ก็ใช่จะจบ อาจจะมีปัญหาขึ้นสนิม ผุตามมา ที่น่ากลัวมากก็คือ หากโดนชน จะมีโอกาสขาดเป็นสองท่อนสูงมาก ขับรถแบบนี้ เครียด ไม่รู้จะโดนชนเมื่อไร ผู้เขียนเคยพบมากับตาตัวเอง ครึ่งคันส่วนหัวรถอยู่อีก ฟากของถนน ครึ่งหลังอยู่อีกเลน ส่วนคนขับนอกนิ่งกลางถนน เกิดเหตุแถวลาเดอฟอง พระรามเก้า ก็เกินสิบปีแล้ว แต่ภาพก็ยังติดตาอยู่เลย
C. เครื่องยนต์ และชิ้นส่วนหน้าเครื่อง
เครื่องยนต์และชิ้นส่วนหน้าเครื่อง เช่น สายพานต่างๆ สายพานทามมิ่ง บางรุ่นใช้โซ่ ก็ประหยัดเงินไปหลายพันบาท ซิลหน้าเครื่อง ยางรองแท่นเครื่อง ก่อนจะติดสินใจซื้อ จะต้องมั่นใจว่า เครื่องยนต์ไม่มีปัญหา ในเครื่องความร้อน เพราะหม้อน้ำแห้ง ดูได้จากสภาพเครื่องยนต์
หากเครื่องยนต์ดูแห้งๆ ไม่มีคราบน้ำมันเยิ้ม หรือเข็มความร้อนไม่ขึ้นผิดปกติ การซ่อม การเปลี่ยนอะไหล่ชิ้นส่วนต่างๆ ดังที่กล่าวมาทำแล้วจบแน่นอน แต่หากเครื่องยนต์มีปัญหา อาจจะต้องถึงขั้นเปลี่ยนเครื่อง ก็ควรหลีกเลี่ยง เน้นเครื่องยนต์แห้งๆ ไว้ก่อน ทั้งด้านบนและใต้ท้องเครื่อง แต่ถ้าอยู่ในงบ การเปลี่ยนเครื่องเลือกเครื่องยนต์รุ่นใหม่ที่ประหยัด น้ำมัน ก็เป็นทางเลือกที่ดี ใช้งานต่อได้อีกนาน
D. ระบบระบายความร้อน ระบบหล่อเย็น
ระบบระบายความร้อนไล่ตั้งแต่ หม้อน้ำ ท่อน้ำ ปั๊มน้ำ วาล์วน้ำ ข้อต่อต่างๆ ส่วนนี้สังเกตุได้ไม่ยาก ไล่ตั้งแต่ หม้อน้ำ เปิดฝาหม้อน้ำจากนั้นพิจารณาน้ำในหม้อน้ำ หากรถคันนั้นไม่ได้ใส่น้ำยาป้องกันสนิมในหม้อน้ำ ภายในหม้อน้ำจะขึ้นสนิม มีตะกรัน น้ำจะมีสีออกแดง
สีสนิมแสดงว่าภายในนั้น อาจเต็มไปด้วยสนิม ชิ้นส่วนต่างๆ มีโอกาสสึกหรอ เสียหาย ก็ควรเลือกดูคันอื่น เพราะหากจะซื้อรถคันดังกล่าว จะมีรายจ่ายที่จะตามมา
การล้างหม้อน้ำไม่แพง แต่ถ้าต้องเปลี่ยนเปลี่ยนหม้อน้ำว่ากันที่หลักพันบาท เปลี่ยนวาล์วน้ำ เปลี่ยนปั๊มน้ำ ท่อต่างๆ เพราะภายในขึ้นสนิมและจำเป็น ต้องตรวจเช็คและซ่อมอย่างละเอียด เพื่อป้องกันรถเสียกลางทาง
แต่หากได้รถที่เติมน้ำยาหม้อน้ำป้องกันสนิม ดูสีน้ำแล้วไม่มีสนิม ก็วางใจได้ระดับหนึ่งว่า ค่าซ่อมจะไม่มากนัก คันนี้สภาพยังดี แม้จะมีอายุใกล้ 20 ปีแล้วก็ตาม เลขไมล์ไม่มากเพียง 170,000 กิโลเมตรเท่านั้น ใช้งานได้อีกนาน
E. ระบบแอร์ ระบบทำความเย็น
ระบบแอร์ตรวจสอบยาก หากเจ้าของรถเติมน้ำยาแอร์ไว้ก่อน ก็ยากจะรู้ว่า แอร์มีปัญหาหรือไม่ แต่หากแอร์ไม่เย็น ก็ควรเลี่ยงไว้ก่อนนอกเสียจากว่าส่วนอื่นๆ ที่ว่ามา ไม่ต้องซ่อม จะได้มีเงินมาจัดการระบบแอร์อย่างดียว ค่าใช้จ่ายที่แพง เช่น คอมเพรสเซอร์แอร์ คอยล์เย็น สองส่วนนี้จะมีค่าใช้จ่ายสูง ของมือสองอย่างต่ำก็ไม่น้อยกว่า 4,000 บาทขึ้นไป รวมแล้วการซ่อมระบบแอร์ไม่ต่ำกว่า 10,000บาท
F. ระบบไฟฟ้ารถยนต์
ระบบไฟฟ้าและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องเช่น แบตเตอรี่ ไฟหน้า ไฟท้าย แตร ไฟเบรค ไดชาร์จ ไดสตาร์ท กระจกไฟฟ้า ระบบต่างๆ เหล่านี้มีรายจ่ายรออยู่ไม่น้อย ซึ่งจะต้องจดรายการและวิเคราะห์ให้ละเอียด ไล่ตั้งแต่แบตเตอรี่ ใกล้จะหมดอายุหรือยัง ขณะสตาร์ทเครื่องยนต์ติดง่ายหรือไม่ ถ้าติดยาก แสดงว่า ไดสตาร์ทจะต้องทำอะไรบางอย่าง ทำความสะอาดหรือเปลี่ยนถ่าน อุปกรณ์อื่นๆ ก็ลองเปิดปิดการใช้งาน รถเดิมๆ ไม่มีดัดแปลงซ่อมไม่ยาก ซ่อมแล้วจบ
G. ระบบเกียร์
การตรวจสอบระบบเกียร์จำเป็นต้องลองขับ หากเจ้าของให้ลองขับ ก็ดูการเข้าเกียร์ง่ายหรือยาก มีเสียงหรือไม่ กรณีเป็นรถเกียร์ธรรมดา ครัชจมมากหรือ ไม่ เหยียบแล้วจมลงลึก แสดงว่าครัชเริ่มไม่ดีแล้ว ส่วนต่างๆ เหล่านี้จะว่าไปแล้ว
หากต้องการความสบายใจก็ต้องซ่อมทั้งหมด เพียงแต่ รถใช้เกียร์ออโต้นั้น ต้องหาข้อมูลราคาเกียร์ก่อนจะซื้อรถมาใช้งาน และศึกษาเจาะลึกปัญหาที่มักจะเกิดกับเกียร์รุ่นนั้น เพราะมีราคาแพง อาจจะมากกว่าตัวรถเลยทีเดียว